ืnida

วันพุธที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2558

แนวเขียนตอบ อ.พลภัทร

การตอบคำตอบของ อ.พลภัทรฯ
ตอบให้ตรงประเด็น
มีหลักวิชาการ
อธิบายเป็นขั้นตอน (ห้ามเขียนแผนภาพโดยไม่อธิบาย)
ข้อที่ 1
ประเด็นที่ 1 ทำไมค่าเงินหยวนจึงอ่อนเมื่อเทียบกับเงินอเมริกาทั้งที่เกินดุล
 เมื่อพิจารณาเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนแล้ว ส่วนใหญ่เป็นเงินอเมริกา ทำให้เมื่อค่าเงินอเมริกาอ่อนลง ก็จะส่งผลทำให้ค่าเงินของจีนอ่อนลงด้วย
ประกอบกับจีนใช้ระแบบแลกเปลี่ยนเงินแบบกึ่งลอยตัว ประเภท Float with barn system นั่นคือ ให้มีการลอยตัวอยู่บนช่วงที่รัฐกำหนดไว้ ซึ่งจีนก็กำหนดไว้ที่ 3 เปอร์เซ็นต์ นั่นหมายความว่าค่าเงินของจีนนั้นจะผันผวนขึ้นลงได้แค่ 3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ในการกำหนดค่าเงินของจีนนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับการแข่งขันในตลาดเสรีแล้ว มีผลน้อยมาก หรือแทบจะไม่มีผลเลย ดังนั้น เราจึงอาจสรุปได้ว่า อัตราแลกเปลี่ยนเงินของจีนเป็นแบบ Fixed Exchange rat system อัตราแลกเปลี่ยนจึงไม่ผันผวนไปตามกลไกตลาด
และในส่วนที่เกินดุลก็เนื่องจากเงินทุนไหลออกจากอเมริกา เข้ามาลงทุนในประเทศจีนจำนวนมาก กรณีเช่นนี้ ถึงแม้ว่าจีนจะอยู่ในช่วงการพัฒนาเศรษฐกิจ ซึ่งตามหลักการแล้วต้องสั่งนำเข้าเครื่องมือในการผลิตจากต่างประเทศ จะทำให้ขาดดุลบัญชีดุลชำระเงินระหว่างประเทศ แต่เมื่อหักกลบกับเงินทุนที่ไหลเข้าประเทศจีนแล้ว พบว่าเงินทุนที่ไหลจากอเมริกาเข้ามาในจีนมีมากว่า ดุลบัญชีชำระเงินระหว่างประเทศของจีนจึงเกินดุล
สรุป ค่าเงินยวนของจีนอ่อน เพราะ
เก็บเงินสกุลอเมริกาไว้มากกว่าเงินสกุลอื่น ทำให้ค่าเงินลดลงตามค่าเงินของอเมริกา
รัฐเข้าไปแซกแทรงระบบแลกเปลี่ยนให้ผันผวนได้เพียงสามเปอร์เซ็นต์ ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนไม่เป็นไปตามกลไกตลาด
สรุป ดุลบัญชีชำระเงินระหว่างประเทศของจีนเกินดุลเพราะ
มีเงินทุนไหลเข้ามาในประเทศจีน มากกว่าการนำเข้าเครื่องจักรในการลงทุน
 
ประเด็นที่ 2 เงินหยวนอ่อนจะส่งผลกระทบ ต่อไปนี้
ปริมาณเงินหยวนในประเทศ
 ปริมาณเงินหยวนจะมีมากขึ้น เนื่องจาก
เงินหยวน เมื่อเทียบกับ อเมริกา แล้วอ่อน นั่นหมายความว่า ต้องใช้เงินหยวนมากขึ้น เพื่อที่จะแลกเงินอเมริกาได้เท่าเดิม ดังนั้นจีนจึงต้องเพิ่มปริมาณเงินหยวนในระบบ เพื่อจะให้เพียงพอต่อความต้องการใช้แลกเงินอเมริกาดังกล่าว
การนำเข้า – ส่งออก ของจีน
 การส่งออกจะดี ส่วนการนำเข้าจะลดลง ซึ่งอธิบายได้ว่า
 เมื่อเงินหยวน อ่อน กว่าเงินอเมริกา / พูดในทางกลับกันก็คือ เงินอเมริกา แข็งกว่าเงินหยวน นั่นแสดงว่า เงินอเมริกาเท่าเดิม สามารถแลกเงินหยวนได้มากขึ้น ความสามารถในการซื้อก็เพิ่มขึ้นด้วย (เปรียบเสมือนสินค้าของจีนในสายตาของอเมริกาจะถูกลงเพราะค่าเงิน) นั่นจะเป็นตัวกระตุ้นให้สินค้าของจีนสามารถนำเข้าในอเมริกาได้มากขึ้น เนื่องจากมีราคาถูก การส่งออกของจีนจึงดี
 แต่ในส่วนการนำเข้า เมื่อเงินหยวนอ่อนกว่า ก็แสดงว่าต้องใช้เงินหยวนในปริมาณมากขึ้นเพื่อจะซื้อสินค้าของอเมริกาได้เท่าเดิม การนำเข้าจึงลดลง เนื่องจากราคาสินค้าของอเมริกาจะแพงขึ้นในสายตาคนจีน เพราะค่าเงินดังกล่าว
เงินทุนไหลเข้า – ออก ของจีน
 เงินทุนจะไหลเข้าจีนมากขึ้น อธิบายได้ว่า
 เมื่อเงินหยวนอ่อน ก็แสดงว่า เงินอเมริกาเท่าเดิมสามารถแลกเงินหยวนได้มากขึ้น ทำให้มีกำลังซื้อมากขึ้น ลงทุนได้สูงขึ้นกว่าเดิม เงินทุนก็จะไหลเข้ามาลงทุนในจีนมากขึ้น ดังกล่าว
ภาวะเงินเฟ้อ
 จะสูงขั้น เนื่องจาก
ได้เคยกล่าวไปแล้วว่า จีนต้องพิมพ์เงินหยวนออกมามากขึ้นเพื่อ ให้เพียงพอต่อการเอาไปแลกเงินอเมริกา เนื่องจากค่าเงินหยวนอ่อนกว่าค่าเงินอเมริกา
 ซึ่งการพิมพ์เงินออกมาใช้ในระบบมาก ความสามารถในการซื้อของประชาชนก็จะมีมากในขณะที่ ความสามารถในการผลิตสินค้ามีเท่าเดิม ทำให้อุปส่งค์มากกว่าอุปทาน ราคาสินค้าก็จะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ภาวะเช่นนี้เรียกว่า เงินเฟ้อสูง
 
ดุลการชำระเงินระหว่างประเทศ
( เอาเนื้อหาประเด็นที่ มาตอบ ) ว่าจะเกินดุล
ค่าเงินหยวนอ่อน จะทำให้ เงินทุนไหลออกจากอเมริกา เข้ามาลงทุนในประเทศจีนจำนวนมาก กรณีเช่นนี้ ถึงแม้ว่าจีนจะอยู่ในช่วงการพัฒนาเศรษฐกิจ ซึ่งตามหลักการแล้วต้องสั่งนำเข้าเครื่องมือในการผลิตจากต่างประเทศ จะทำให้ขาดดุลบัญชีดุลชำระเงินระหว่างประเทศ แต่เมื่อหักกลบกับเงินทุนที่ไหลเข้าประเทศจีนแล้ว พบว่าเงินทุนที่ไหลจากอเมริกาเข้ามาในจีนมีมากว่า ดุลบัญชีชำระเงินระหว่างประเทศของจีนจึงเกินดุล
ประเด็นที่ 3 จีนควรดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนอย่างไร
 การเข้าไปแทรกแซงอัตราแลกเปลี่ยนของจีน ให้ผันผวนได้แค่ 3 เปอร์เซ็นต์ ก็มีผลต่อระบบเศรษฐกิจไม่ต่างไปกับการใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบตายตัว ทำให้กลไกตลาดไม่ทำงาน เมื่อเกิดปัญหาด้านการขาดดุล หรือเกินดุล กลไกการปรับตัวอัตโนมัติของตลาดจึงไม่ทำงาน ทำให้ปัญหายิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น
 ดังนั้น จีนควรจะปลอยให้อัตราแลกเปลี่ยนมีความยืดหยุ่นมากขึ้น เพื่อให้กลไกการปรับตัวอัตโนมัติของตลาดได้ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ จะทำให้ลดการขาดดุลได้
 แนวทางเลือกของจีน
ขยายช่องว่างของการผันผวน ให้มีมากขึ้น เพื่อให้มีความยืดหยุ่น และกลไกตลาดได้ทำงานตามสมควร
ปล่อยค่าเงินให้ลอยตัว ให้กลไกการปรับตัวอัตโนมัติได้ทำงานอย่างเต็มที่
ข้อที่ 2
ประเด็นที่ 1 ค่าเงินดอลล่าอ่อน จะช่วยแก้ปัญหาการขาดดุลของอเมริกาได้
หรือไม่ อย่างไร
 เมื่อค่าเงินดอลล่าอ่อนตัวลง จะส่งผลกระทบให้ สินค้าที่นำเข้าไปในอเมริกา มีราคาสูงขึ้นอัตนโนมัติตามค่าเงินที่อ่อนตัว และเมื่อราคาสินค้าสูงการบริโภคก็จะลดลง ทำให้สามารถลดการนำเข้าได้ส่วนหนึ่ง ซึ่งตามทฤษฎีแล้ว เมื่อการนำเข้าลดก็ย่อมลดการขาดดุลได้
 แต่ปัญหาการขาดดุลของอเมริกา ไม่ได้อยู่ที่การบริโภคสินค้าจากต่างประเทศมาก แต่เป็นเงินทุนที่ไหลออกจากอเมริกาไปต่างประเทศมาก โดยเฉพาะไหลไปที่ประเทศจีน ดังนั้น การที่ค่าเงินดดลล่าออนลงจึงไม่น่าจะทำให้การขาดดุลลดไปในทันที
 
ประเด็นที่ 2 การที่อเมริกาตั้งกำแพงภาษี จะส่งผลกระทบอย่างไร
 
 ก่อนอื่นต้องเข้าใจระบบการทำงานของการตั้งกำแพงภาษีก่อน ว่า
 หากรัฐตั้งกำแพงภาษี สินค้าที่นำเข้าจะมีราคาสูงขึ้น ทำให้ประชาชนไม่บริโภคสินค้านำเข้า แต่จะหันมาบริโภคสินค้าที่ผลิตในประเทศที่มีราคาถูกกว่าแทน จะส่งผลให้อุตสาหกรรมในประเทศเกิดการเจริญเติบโตมากขึ้น ทำให้ จีดีพี ในประเทศเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
 แต่ข้อเสียของการตั้งกำแพงภาษีก็คือ สินค้าจะราคาสูงขึ้น ทำให้ภาระตกไปอยู่แก่ผู้บริโภค ก็คือประชาชนนั่นเอง
ผลกระทบด้านการนำเข้าสินค้าจากจีน
 แน่นอนว่าเมื่อสินค้าที่นำเข้าจากประเทศจีนสูงขึ้น การบริโภคย่อมลดลง กานนำเข้าก็ย่อมลดลงตามไปด้วย
ผลกระทบด้านเงินเฟ้อในอเมริกา
 การตั้งกำแพงภาษีก็จะทำให้สินค้ามีราคาสูงขึ้น เมื่อราคาแพงขึ้นก็จะทำให้ความสามารถในการซื้อลด ดีมาน ลด
และเป็นการลดปริมาณสินค้านำเข้าด้วย เป็นการลดซัพพลายด้วย
 เมื่อพิจารณาจาก ดีมาน ก็ลด ซัพพลายก็ลด เหมือนกัน ดังนั้นจึงไม่ใช่ปัจจัยที่จะส่งผลให้ราคาสินค้ามีการเปลี่ยนแปลง จึงไม่กระทบเงินเฟ้อในระบบ
ผลกระทบด้านปริมาณการผลิตสินค้าและบริการ
 การตั้งกำแพงภาษีทำให้สินค้านำเข้ามีราคาสูงขึ้น ประชาชนจึงหันมาบริโภคสินค้าที่ผลิตในประเทศที่มีราคาถูกกว่า ทำให้การผลิตสินค้าและบริการในประเทศมีสูงขึ้น
ผลการทบด้านการจ้างงาน
 การผลิตสินค้าในประเทศมีมากขึ้น การจ้างงานก็มากขึ้นตามไปด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น